‘แม่มดกัญชา’ ดร.แก้มหอม ณ ล้านช้าง เตรียมเปิด ‘กระทรวงเวทมนตร์’

แม่มดกัญชา’ ดร.แก้มหอม ณ ล้านช้าง เตรียมเปิด ‘กระทรวงเวทมนตร์’

วานนี้ (5 ก.ค.) ดร.แก้มหอม ณ ล้านช้าง หรือ แม่มดกัญชา ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลได้เปิด ‘ศูนย์ประสานงานกระทรวงเวทมนตร์’ ในจ.เชียงใหม่ โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งให้ความรู้และผลักดันการใช้กัญชารักษาโรคในประเทศไทย เตือนการใช้กัญชาอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งเดินหน้าผลักดันรัฐมนตรีใหม่ต้องเซ็นกัญชาเพื่อการรักษาก่อนเป็นสิ่งแรก

สำนักงานดังกล่าวนี้ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่สันกำแพงสายเก่า ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

เป็นอาคารชั้นเดียวตกแต่งด้วยลวดลายกัญชาสีเขียว และมีหุ่นรูปเหมือนของแม่มดกัญชาถือคทากัญชาประดับอยู่ ซึ่งมีผู้คนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจเข้าถ่ายภาพและเข้ารับฟังการสัมมนาอบรม โดยในการสัมมนานี้ ดร.แก้มหอมเผยว่า ต้องการเปิดกระทรวงเวทมนตร์เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้กัญชาของเอเชีย มีวันเปิดเป็นทางการคือ 25 ก.ค. นี้ และระบุว่าเริ่มต่อสู้เรื่องกัญชามาตั้งแต่ 4 พ.ค.61

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีปัญหาที่แพทย์แผนปัจจุบันระบุว่าคนไข้ใช้น้ำมันกัญชาอย่างไม่ถูกต้อง และต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายราย ทางดร.แก้มหอมจึงย้ำว่าคนที่ใช้กัญชาต้องมีความรู้ โดยเฉพาะเรื่องปริมาณการใช้ที่เหมาะกับแต่ละโรค และเห็นว่าจะต้องผลักดันกัญชาไทยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์โดยเร็วให้ศูนย์ที่เปิดขึ้นนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ดึงแพทย์จากทั่วโลกมาเป็นโมเดลในประเทศไทย

วานนี้ (4 ก.ค.) ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Nutchanon Payakaphan มีการโพสต์ภาพเด็กนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.อุบลราชธานี กำลังเตรียมพร้อมฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งมีนักเรียนชาย-ชายและหญิง-หญิงเล่นเกมด้วยการแลกลิ้น

เจ้าของโพสต์ตั้งข้อสงสัยว่า ขณะที่มัวแต่สั่งตรวจสอบครูที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศกันอยู่ทุกโรงเรียนนั้น แต่กลับยังมีโรงเรียนที่ให้เด็กทำกิจกรรมด้วยการแลกลิ้นแบ่งปันโรคติดต่อกันอยู่ ‘ไม่ต้องถามเลยว่าทำไมการศึกษาไทยไม่พัฒนา ก็บุคลากรมัวแต่ทำเรื่องโง่ ๆ อะ ปลูกฝั่งห่าเหวอะไรกันไม่รู้ ไม่ได้ดูฉลาด’

อีกทั้งยังฝากถึงผู้อำนวยการโรงเรียนและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี ให้ออกมาชี้แจงกรณีที่โรงเรียนปล่อยให้มีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้น เพราะเป็นความเสี่ยงในเรื่องโรคติดต่อ และไม่เหมาะสมอย่างมาก รวมถึงต้องการที่จะป้องกันไม่ให้มีการทำกิจกรรมเช่นนี้ซ้ำอีก

นอกจากนี้ ยังมีการแฉข้อความจากกรุ๊ปไลน์ของโรงเรียน ระบุว่าครูคนหนึ่งได้ส่งภาพเด็กแลกลิ้นเข้าไปในกลุ่ม พร้อมข้อความว่า “ดูภาพนี้แล้ว อย่าฟินกันนะครับ” ขณะที่มีคนอื่นๆ ส่งสติกเกอร์ตอบกลับกันอย่างสนุกสนาน

เจ้าของร้าน ที่พรรคอนาคตใหม่ไปดินเนอร์เผย ‘ภาพที่ไม่เห็นจากทีวี’

หลังจากกระแสดราม่าเรื่องที่พรรคอนาคตใหม่ไปร่วมกับประทานอาหารและดื่มสังสรรค์ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีชื่อ Cute Corner Cuisine จนทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมที่จะ ‘กินหรู ดูแพง’ จนกระทั่งเจ้าของร้านออกมาเผยว่าราคาค่าอาหารเครื่องดื่มตกหัวละ 600 บาทนั้น

ล่าสุด ทางเจ้าของร้าน ‘ต๋อม สุจินดา’ ได้เล่าเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ในวันนั้น โดยเธอเล่าว่า วันนั้นนายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ติดต่อตนเข้ามาทางเฟซบุ๊กขอจองโต๊ะ เจ้าของร้านอธิบายว่า จริงๆ แล้วอาหารของร้านนั้นราคาไม่แพง แต่ด้วยบรรยากาศที่อาจจะทำให้คนนอกที่มองมาคิดว่าอาหารแพงจนจับต้องไม่ได้ จริงๆ แล้วลูกค้า 1 คนสามารถอิ่มได้ในราคา 180 – 200 บาทเท่านั้น ไม่ใช่หลักหมื่นหลักแสนอย่างที่หลายคนเข้าใจ และนี่ก็อาจจะเป็นที่มาที่ทางพรรคเลือกร้านนี้ด้วย

ทางพรรคแจ้งต่อเจ้าของร้านว่ามีงบหัวละ 500-600 บาท ทางร้านจึงจัดเมนูและวัตถุดิบที่เหมาะสมไปให้ อาทิ ขนมปัง 4 ชีส, ซัมเมอร์สลัด, ซุปไก่อบใบไทม์, สเต๊กปลา, กุ้งผัดพริกเกลือ, เสือร้องไห้จิ้มแจ่ว, ไส้กรอกย่าง เป็นต้น

นอกจากนี้ เธอยังเล่าว่า สมาชิกพรรคพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นมุมที่ไม่เคยเห็นในโทรทัศน์มาก่อน พอถึงตอนคิดเงิน ก็เห็นว่าคนที่กลับก่อนก็จะฝากเงินไว้ให้คนละ 600 บาท คนที่ไม่มีเงินสดก็โอนให้ คนที่ยังไม่กลับก็ควักเงินกันคนละ 600 บาท ตอนรวบรวมเงินมาให้ก็มีแบงก์ร้อยเยอะมาก

“ด้วยความที่ร้านของเราได้รับการออกแบบจากสถาปนิก ซึ่งเป็นสามีของเราเอง จึงทำให้หลายคนคิดว่า ด้วยบรรยากาศร้านลักษณะนี้ อาหารจะต้องมีราคาแพง ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลยค่ะ” เธอกล่าว

ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์โดยไม่นำผลกำไรมาแบ่งปันกัน จัดให้มีการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน จัดระบบและวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด

โดยโจทก์ที่ 2 ประกอบกิจการรับฝากหลักทรัพย์ ส่วนโจทก์ที่ 3 ประกอบกิจการจัดการงานนิทรรศการการ แสดงสินค้าการฝึกอบรม และประชุมสัมมนา จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลจดทะเบียน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับหนังสือรับรองให้ประกอบธุรกิจรับประกันวินาศภัย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด ประกอบธุรกิจรับประกันวินาศภัย